ตีแผ่ประกันสุขภาพเด็ก
ความเสี่ยงทางด้านสุขภาพแต่ละช่วงวัยไม่เหมือนกัน สำหรับวัยเด็กปัญหาสุขภาพเด็กเป็นช่วงที่ร่างกายและภูมิคุ้มกันของเด็กยังพัฒนาไม่สมบูรณ์นัก จึงเป็นช่วงที่เด็กเจ็บป่วยบ่อยได้มากที่สุด ส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันสุขภาพเด็กสูงเป็นเงาตามตัว คุณพ่อคุณแม่อย่างเราจึงต้องหาความรู้เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่ากับเบี้ยประกันที่จ่ายไป วันนี้ u724.net จะตีแผ่เปิดทุกประเด็นให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจ และตัดสินใจได้ดีที่สุดคะ
จากประสบการณ์แอดมินฯ เคยเป็นนักพัฒนาระบบโรงพยาบาลมาสิบกว่าปี จึงได้คลุกคลีข้อมูลวงใน ระบบโรงพยาบาลและการเคลมกับบริษัทประกัน และเชื่อว่าข้อมูลนี้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพเด็กแน่นอนคะ
สารบัญ
-
เราจำเป็นต้องทำประกันสุขภาพให้ลูกดีไหม
-
ประเภทประกันสุขภาพ
-
ผลประโยชน์หรือความคุ้มครองหลัก
-
ผลประโยชน์หรือความคุ้มครองเพิ่มเติม
-
ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายหรือแยกค่ารักษาดีกว่า
-
สรุป
1.เราจำเป็นต้องทำประกันสุขภาพให้ลูกดีไหม
ปกติเรามีรถเราก็รักรถอยากให้สวยและใช้ขับขี่ไปได้นานๆ จึงดูแลรักษารถอย่างดีและทำประกันชั้น1 บ้านที่เราสู้อุตสาห์เก็บเงินซื้อราคาหลายล้านบ้านเราทำประกันบ้าน แล้วสุขภาพของลูกที่อยู่ในวัยที่มีความเสี่ยงเพราะภูมิคุ้มกันของเด็กยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ นับวันเชื้อโรคพัฒนากว่าการแพทย์ไปหลายก้าว ทำไมการมีประกันสุขภาพถึงจะไม่จำเป็นหล่ะคะ สิ่งที่เราจะต้องคิดพิจารณา เรื่องความเสี่ยงสุขภาพลูกมีดังนี้คะ
- ความแข็งแรงและประวัติสุขภาพตั้งแต่เกิด
- ลูกมีความเสี่ยงมากหรือน้อย
ลูกต้องอยู่เนอสรี่หรือเราเลี้ยงลูกด้วยตัวเองเต็มเวลา ไม่ค่อยได้คลุกคลีกับเด็กมากๆ เพราะเด็กที่อยู่เนอสรี่มีโอกาสเสี่ยงสูงในการสัมผัสเชื้อโรคจากเด็กคนอื่นๆและพี่เลี้ยงเด็ก
- โอกาสสัมผัสเชื้อโรคจากเด็กที่โตกว่า
ในบ้านมีพี่น้องที่ไปโรงเรียนแล้วหรือไม่ การที่บ้านมีเด็กโตกว่าเลี้ยงกับเด็กเล็กมีความเสี่ยงสูงอย่างมากคะ
2.ประเภทประกันสุขภาพ
-
ประกันสุขภาพคุ้มครอง OPD
OPD (Out-Patient Department) คือ ผู้ป่วยนอกที่ได้รับการรักษาแบบไม่ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล และอยู่ที่โรงพยาบาลน้อยกว่า 6 ชั่วโมง พูดง่าย ๆ ก็คือ รักษาเสร็จแล้วกลับบ้านเลย อาจมียาด้วยหรือไม่มีก็ได้
-
ประกันสุขภาพคุ้มครอง IPD
IPD (In-Patient Department) คือ ผู้ป่วยในที่เข้ารับการรักษาและต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ตั้งแต่ 6 ชั่วโมงขึ้นไป เช่น เด็กหญิง A ป่วยหนักต้องแอดมิดนอนโรงพยาบาล จึงถือได้ว่าเป็นคนไข้ IPD ที่แอดมิดเพื่อรักษาตัว
ค่าใช้จ่าย OPD โรงพยาบาลเอกชน ต่อครั้งจะอยู่ที่ประมาณ 1 พันกว่าบาน ถึง 2 พันกรณีไม่มีการส่งทำแลปหรือ Xray ถ้าลูกเราไม่ได้ป่วยบ่อย และเราสามารถจ่ายส่วนนี้ไหมก็ไม่จำเป็นต้องซื้อประกันสุขภาพคุ้มครอง OPD ก็ได้คะ
3.ผลประโยชน์หรือความคุ้มครองหลัก
ประกันสุขภาพจะมีส่วนความคุ้มครองหลักทุกบริษัทประกันคะ 5 หมวดหมู่ให้เราลองเปรียบเทียบแต่ล่ะบริษัทดูคะ
-
ค่ารักษาพยาบาลทั่วไป
หรือประกันมักจะเรียกว่า วงเงิน Gen (General Treatment)
ได้แก่ ค่ายาและสารอาหารทางเส้นเลือด, ค่าบริการโลหิต,ค่าบริการรถพยาบาล, ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์, ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ และ ค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา
แล้วเท่าไหร่ถึงจะ Cover ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ปกติแล้วเด็กเล็กจะเจ็บป่วยอยู่ไม่กี่โรคในกลุ่มนี้คะ คออักเสบ, ไข้หวัดใหญ่, ปอดอักเสบ, มือเท้าปาก, RSV ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เรทโรงพยาบาลเอกชนจะอยู่ที่ 1x,xxx – 3x,xxx บาทต่อวันคะ แต่ถ้าเป็น RSV ด้วยแล้วอาจจะต้องอยู่โรงพยาบาลประมาณ 7 วันได้คะ
-
ค่าห้อง
ค่าห้องจะรวมค่าอาหารด้วยคะ
- ค่าห้องธรรมดา
ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบใช้บริการของโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน ถ้าเป็นโรงพยาบาลรัฐบาลค่าห้องจะอยู่ที่ 2,XXX บาท ส่วนโรงพยาลเอกชน เรทราคาค่าห้องหลากหลายมากคะ ลองดูที่โรงพยาบาลที่เราชอบใช้บริการดูคะ
- ค่าห้อง ICU
- ค่าผ่าตัด
- ค่าแพทย์เยี่ยมหรือค่า DF
- ค่ายากลับบ้าน
4.ผลประโยชน์หรือความคุ้มครองเสริม
ส่วนนี้ ความคุ้มครองเสริม หรือเราจะเรียกว่าเป็นเหมือน Topping ก็ได้คะ เหมือนกับตอนเราซื้อไอศกรีมเราอาจะอยากใส่ Topping อะไรแบบที่ร้านมีก็ได้ ซึ่งแต่ล่ะบริษัทจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับการทำการตลาดคะ
เช่น
- ค่าชดเชยกรณีนอนโรงพยาบาลหรือเป็นผู้ป่วยใน 3,000 บาทต่อวัน
- ค่าตรวจ OPD Follow Up
หลายคนที่มีประกันสุขภาพที่ไม่ทราบว่าตัวเองมีความคุ้มครองส่วนนี้แล้วก็ไม่ได้ใช้เยอะมากคะ
5.ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายหรือแยกค่ารักษาดีกว่า
- ประกันสุขภาพเหมาจ่าย จะมีการกำหนดวงเงิน “เหมาจ่าย” เอาไว้ในรอบปีกรมธรรม์ ซึ่งจะเป็นวงเงินสูงสุดที่จะเบิกค่ารักษาได้ รวมกันต่อปีไม่เกินนี้ เหมาะกับเด็กที่ป่วยด้วยโรคเดิมซ้ำๆบ่อยๆ แต่ก็แรกด้วยค่าเบี้ยที่แพงกว่าค่อนข้างมาก เพราะถ้าเป็นประกันสุขภาพแบบตารางจะไม่สามารถเคลมโรคเดิมได้อาจจะภายใน 30 , 45 หรือ 90วัน
- ประกันสุขภาพแยกค่ารักษา ค่าเบี้ยประกันถูกกว่าแบบเหมาจ่ายมาก แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องการป่วยด้วยโรคเดิมซ้ำๆ ภายในระยะเวลาที่บริษัทประกันกำหนด แอดมินฯเคยเจอว่า แม้โรคที่แพทย์จะระบุไว้ไม่เหมือนกันแต่บริษัทประกันมองว่ามันเป็นระบบเดียวกันคะ เช่นคราวที่แล้วโรคป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่หายแล้ว คราวนี้เป็นคออักเสบ แต่บริษัทประกันมองว่าเป็นโรคเดียวกัน จะไม่สามารถเคลม ค่ารักษาพยาบาลทั่วไปได้ ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนอื่นสามารถเคลมได้คะ
6.สรุป
ประกันสุขภาพสำหรับเด็กมีข้อมูลละเอียดมากคะ คุณพ่อคุณแม่ต้องพิจารณาเลือกให้ดี แอดมินฯแนะนำว่าความปรึกษานายหน้าประกันดีกว่คะ เพราะนายหน้าประกันไม่ได้ขึ้นตรงต่อบริษัทประกันใดจะสามารถคัดเลือกประกันให้ตรงตามความต้องการมากกว่า เราสามารถใช้ checklist ด้านบนนี้ในการเปรียบเทียบหาประกันให้ตรงใจมากที่สุด
หรือสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการพูดคุยสอบถามจากนายหน้าหรือตัวแทนประกัน เพราะบางทีคุณพ่อคุณแม่ก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์ลูกป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลใช่ไหมคะ ประกันสุขภาพเด็กเราเห็นว่าเบี้ยจะแพงกว่าช่วงอายุอื่นมาก แต่พอลูกอายุ 5 ขวบค่าเบี้ยจะถูกลงมากคะ บางทีเกินครึ่งเลยคะ และสิ่งสำคัญเมื่อเราได้ใช้ประกันในโรงพยาบาลเราสามารถบอกกับคุณหมอได้คะ ว่าประกันเรามีเท่านั้น เท่านี้ ขอให้คุณหมอกรุณาใช้ค่าใช้จ่ายอย่าให้เกินวงเงินนะคะ เพื่อเราจะได้ไม่ต้องจ่ายส่วนเกินมากเกินไป
จ่ายค่าห้อง 5,000 บ./วัน เบี้ยฯเพียง 10 บาท/วัน
ตัดปัญหาเรื่องรายจ่าย! ลูกป่วย เป็นไข้ ต้องนอนรพ. เราแคร์ค่ารักษาให้ ด้วยประกันภัยสุขภาพ Happy Healthy จากกรุงเทพประกันภัย จัดการให้ทุกอย่าง ??
✅ มอบค่ารักษาฯ กรณีผู้ป่วยในสูงสุด 50,000 บาท
✅ นอนรพ.รับค่าห้องสูงสุด 5,000 บาท/วัน นานสูงสุด 30 วัน
✅ นอนรพ.กรณีผู้ป่วยหนักสูงสุด 10,000 บาท/วัน นานสูงสุด 10 วัน
✅ มอบค่าผ่าตัดสูงสุด 100,000 บาท/ครั้ง
✅ มอบค่ารักษาฯกรณีเจ็บป่วยจากอุบัติเหตุสูงสุด 10,000 บาท/ครั้ง
✅ มอบค่ารถพยาบาล 1,000 บาท/ครั้ง
✅ มอบค่าดูแลโดยแพทย์สูงสุดวันละ 2,500 บาท
✅ สามารถซื้อแผนผู้ป่วยนอกเพิ่มเติมได้
✅ สมัครง่าย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ
✅ สมัครได้ตั้งแต่แรกเกิด 0 ปีจนถึงอายุ 55 ปี
✅ เบี้ยฯถูก เริ่มต้นเพียงวันละ 10 บาท
✅ ผ่อนชำระเบี้ยฯ 0% นาน 6 เดือนได้
*กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีจะต้องถือกรมธรรม์พ่วงกับบิดาหรือมารดา